วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Gorgoroth - The true norwegian black metal


                    Gorgoroth คือชื่อดินแดนที่ลาบรุ่มใกล้ มอร์ดอร์ ตามท้องเรื่องมหานิยายสุดดัง The Lord Of The Ring แต่ทว่าถ้าเป็นเรื่องของ The Lord Of The Ring ผมคงไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพูดให้มันเสียเวล่ำเวลาหรอกครับ
                     Gorgoroth ณ ที่นี้ หรือ ณ จุดนี้ และ ณ ตรงนี้ คือวง Black Metal สุดโหดจากเมือง Bergen ประเทศ Norway ก่อตั้งวงเมื่อปี 1992 โดย Lord Infernus
ขณะนั้นกระแส Black Metal จาก Norway กำลังร้อนรุ่มและลุกลามไปทั่วดินแดนสแกนดิเนเวียนและยุโรป  Gorgoroth เปรียบเสมือนชนวนที่ถูกจุดโดยวง Black Metal รุ่นพี่อย่าง Mayhem Darkthrone Emperor ให้สานต่ออำนาจแห่งซาตาน พวกมันคือพ่อมดร้ายที่พร้อมจะทำลายศาสนาคริสต์ อันมีพระเยซูเป็นศาสดาด้วยการสบถวาจาแห่งซาตานผ่านบทเพลง เนื้อตัวประดับไปด้วย หมุด หนาม เลือด และ Bullet Belt (เข็มขัดลูกปืน M16) การแสดงสดแต่ละครั้งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวกผู้คลั่งไคล้ Black Metal ทั้งในและนอกประเทศได้เป็นอย่างดี
                       Gorgoroth เป็นวงนึงที่ผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอมากนับตั้งแต่ก่อตั้งวงขึ้นมา โดย Demo แรกของวง เกิดขึ้นในปี 1993 และ Demo ที่2 ก็เกิดขึ้นในปี1994 และในปีเดียวกัน Gorgoroth ก็ได้คลอดอัลบั้มเต็มของตัวเองอัลบั้มแรกใช้ชื่ออัลบั้มว่า  Pentagram สังกัด Embassy Productions  และ อัลบั้ม Antichrist  ปี1996  ต่อด้วย Under the Sign of Hell  ในปี 1997 ในสังกัด Malicious Records และในปี 1998 เป็นต้นมา Gorgoroth ก็ได้ขึ้นเป็นวง Major อย่างเต็มตัวด้วยการเซ็นสัญญาเข้ากับ  Nuclear Blast ค่ายดังจากเยอรมัน แต่ร่วมงานกับ  Nuclear Blast ได้ไม่นาน Gorgoroth ก็ย้ายสังกัดอีกครั้งจาก  Nuclear Blast มาเป็น Regain Records จนกระทั่งปัจจุบัน
                        ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Gorgoroth ผมให้เครดิต Lord Infernus มือกีต้าร์ผู้ก่อตั้งวง เค้าเป็นผู้พา Gorgoroth ขึ้นมายืดหยัดเทียบได้ว่าถึงจุดสูงสุดของวงการ Black Metal ตั้งแต่การก่อตั้งวง เขียนเพลง แต่งเพลง และเล่นเองแทบทั้งสิ้นในตอนแรก ถึงแม้จะมีอุปสรรคเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งเรื่องการแสดงคอนเสิร์ตและเรื่องชื่อวง Gorgoroth เองไปบ้างก็ตาม แต่ทุกเรื่องนั้นได้พิสูจน์แล้วว่า Infernus และ Gorgoroth จะถูกจดจำในฐานะ Norwegian Black Metal ไปตลอดกาล  

โปรดติดตามในครั้งหน้านะครับว่าผมจะเขียนถึงวงใดอีก ^^
แถมด้วยภาพอัลบั้มและคลิบเวอร์ชั่นแสดงสดที่ผมชื่นชอบอีกตามเคย

                                                       Antichrist 1996

                                                       Destroyer 1998

                                                   Incipit Satan 2000

                                                Twilight of the Idols  2003

                                Quantos Possunt ad Satanitatem Trahunt  2009

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Mayhem Legend Of The Black Metal

           ในแวดวงดนตรี Black Metal น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อของวง Mayhem อีกหนึ่งมหากาพย์แห่งดนตรี Black Metal ที่ผมคิดว่าผมชอบมากอีก1 วง
            วง Mayhem  เป็นวง Black Metal จากเมือง Oslo ประเทศ Norway ก่อตั้งวงในปี 1984 โดยหนุ่มน้อย Oystein Aarseth หรือเพื่อนๆขนานนามว่า Euronymous

              โดยวง Mayhem ได้ทำ Demo แรกของวง เมื่อปี 1986 ใช้ชื่ออัลบั้ม Demo นั้นว่า Pure Fucking Armageddon  โดยมีเพลงทั้งหมด 9 เพลง แต่ละเพลงเป็นเพลงในแบบฉบับของ True norwegian black metal  มีเพลงที่ผมชื่นชอบอยู่หลายเพลง เช่น Pure Fucking Armageddon  Carnage ส่วน Demo ที่2 ก็อีก 1 ปี ถัดมาในปี 1987 ใช้ชื่ออัลบั้มนั้นว่า Deathrehearsal  โดยเพิ่มเพลง Chainsaw Gutsfuck  Necrolust และ Deathcrush เข้ามา ซึ่งแต่ละเพลงนั้น ดิบ เถื่อน มันส์ตามสไตล์ Black metal
               Mayhem ได้เปลี่ยนไลน์อัพอยู่เรื่อยๆแต่ก็มาลงตัวที่ปี 1988 ได้ กระบอกเสียงนาม Per Yngve Ohlin หรือที่ใครๆขนานนามเขาว่า Dead และ กลองโดย Jan Axel Bloberg หรือ Hellhammer คุมจังหวะเบสโดย Jorn Stubberud หรือ Necrobutcher โดยที่ผู้ก่อตั้งอย่าง Euronymous ก็ทำหน้าที่ริพกีต้าร์
               เรื่องราวของ Mayhem มิได้กระทำการร้องเพลงเพียงอย่างเดียวพวกเขาสร้างความเกลียดชังที่มีให้แก่พวกคริสเตียนโดยที่ Black Metal รุ่นหลังมิอาจจะลืมได้ด้วยการลอบวางเพลิงเผาโบสถ์คริสเตียนโดยมีผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างวง Emperor (Norway) วง Burzum(Norway) และวง Thorns ซึ่งการกระทำนี้กลายเป็นที่เล่าขานกันมายังปัจจุบัน แต่ทว่าเรื่องราวของ Mayhem มิได้เป็นที่จดจำเพียงเท่านี้ ในปี1991 Dead กระบอกเสียงของวง ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมตัวเองด้วยปืนลูกซองโดยเขียนโน๊ตไว้ให้เพื่อนร่วมวงว่า "ขอโทษที่ทำให้สกปรก" เมื่อ Euronymous และ Hellhammer เข้ามาเห็นก็ได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ละลึกก่อนที่จะแจ้งตำรวจผมคิดว่ามันเป็นการกระทำที่บ้ามาก เมื่อ Dead ตาย Necorbutcher ก็ได้ลาออกจากวง สงสัยจะกลัวอาถรรพ์ Mayhem จึงขาดกระบอกเสียงนำ และคนคุมจังหวะเบสอีกครั้ง
                ไม่นานนัก Mayhem ก็ได้กระบอกเสียงคนใหม่นามของบุรุษผู้นี้คือ Attilla Csihar และ The count Grisnackh  รับหน้าที่คุมจังหวะเบส

                
                  ทั้งหมดจึงครบองค์ กระบอกเสียง Attilla Csihar คุมจังหวะเบส The count Grisnackh  กระหน่ำกลอง  Hellhammer และริพกีต้าร์โดย Euronymous พวกเขาทั้ง4 จึงได้เข้าอัดอัลบั้มเต็มเป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า De Mysteriis Dom Sathanas
                  แต่ยังไม่ได้ทันวางแผง Euronymous ผู้ก่อตั้งวงก็ถูกฆาตกรรมโดย  The count Grisnackh  มือเบสของวงตัวเองรัวกระหน่ำแทงที่ศรีษะประมาณ 25 บาดแผล  Grisnackh  ได้กล่าวว่าผู้ร่วมกระทำของเขาวันนั้นคือมือกีต้าร์ของวง Thorns พวกเขาได้ล่อลวง Euronymous โดยบอกว่าเขาต้องการเซ็นสัญญา Euronymous จึงตายใจ และเขายังบอกอีกว่า Dead กระบอกเสียงคนเก่าที่กระทำอัตวินิบาตกรรมนั้นเกลียด Euronymous การกระทำของ The count Grisnackh  วันนั้นได้ปลุกกระแส Black Metal ไปทั่วโลกแต่ถามผมว่าผมรู้สึกยังไงผมจะบอกว่า ผมเกลียด The count Grisnackh  เพราะผมชื่นชมนับถือและเคารพในตัว Euronymous มากกว่า แต่กระนั้น Mayhem จึงไร้ผู้ก่อตั้งวงเมื่อสิ้น Euronymous แล้ว  
                  The count Grisnackh  ก็ได้รับผลกรรมของตัวเองด้วยการถูกจองจำด้วยโทษสูงสุดของประเทศ Norway จากการฆาตกรรมเพื่อนร่วมวงของตัวเองและคดีเผาโบสถ์อีกหลายแห่งในประเทศนอร์เวย์ ด้วยการถูกจองจำถึง 21 ปี
                   Mayhem หลังจากไร้ผู้ก่อตั้งอย่าง Euronymous แล้ว Hellhammer ก็รับหน้าที่เปรียบเสมือนหัวเรือใหญ่ของวงนับตั้งแต่เวลานั้นมาเขาได้ปล่อยอัลบั้ม De Mysteriis Dom Sathanas ออกมาในปี1994 เป็นอัลบั้มที่สมบุรณ์ที่สุดของ Mayhem เลยก็ว่าได้ เป็นอัลบั้มที่ Attilla Csihar เป็นกระบอกเสียงและ Euronymous ริพกีต้าร์ หลังจากที่ Euronymous ตายแล้วผมคิดว่า Mayhem ก็มิใช่วง Black Metal อันมืดมนอีกต่อไปอัลบั้มหลังๆของทางวงผมว่ามันขัดหูสิ้นดีไม่เหลือความเป็น Mayhem ในยุครุ่งเรืองอยู่เลยงานเพลงอย่าง Whore   Dark Night of the Soul    My Death  เทียบไม่ได้กับงานเพลงเก่าๆอย่าง  Funeral Fog  Freezing Moon    Buried By Time And Dust แม้แต่นิด
                     วันนี้ผมได้พล่ามเรื่องราวชวนสยองให้ทุกๆคนได้อ่านไปกันมากพอสมควรอยากอยากรู้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้ก็เชิญไปค้นหาเองวันนี้ผมคิดว่าคงพอแค่นี้ ขอบคุณครับ
                

แถมด้วยปกอัลบั้มที่ผมชื่นชอบ และคลิบเสียงเวอร์ชั่นแสดงสด

                                              De Mysteriis Dom Sathanas 1994

                                                     Deathcrush Ep 1987

                                         Pure Fucking Armageddon  Demo1986


Dissection & R.I.P. จอนที่รัก


          ผมเป็นคนชอบฟังดนตรี เมทัล เป็นชีวิตจิตใจ (อันไม่ปกติ) หนึ่งในดนตรี เมทัลที่ผมชอบฟังก็คือ
แบลคเมทัล แบลคเมทัลเป็นดนตรีที่ หยาบ ชั่วช้า สามาร หนทางของมันเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอำมหิต  แฝงไปด้วยเลือดและความตายอันเป็นที่รัก ดนตรีในแบบฉบับของแบลคเมทัล เป็นดนตรีที่ หนัก ดิบ รวดเร็ว เสียงร้องแหบดิบดั่งถ้อยคำสบถของซาตาน กีต้าร์ กลอง & เบส รวดเร็วดุจมหาพายุพิโรธ
           เนื้อหาของเพลงก็เกี่ยวกับ ความตาย ฆาตกรรม หมอกมืด ลมเหนือ และดินแดนแห่งสแกนดิเนเวียนอันเป็นมาตุภูมิ ทุกๆวงจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเช่นการ Corpse pain หน้าให้เหมือนศพ การทรมานตัวเองขณะเล่นสด การประดับเวทีด้วยเศียรของสัตว์และกางเขนคว่ำ    4วง แบลคเมทัลที่ผมคิดว่าเป็นสุดยอดของสุดยอดก็ได้แก่ Mayhem Darkthrone Emperor และ Immortal สอดแทรกด้วยวง
อย่าง Satyricon และ Gorgoroth รวมถึง Dissection
           แต่ในที่นี้ผมจะพูดถึง วง Dissection  วง Dissection เป็นวงเมโลดิกแบลคเมทัลจากประเทศ Sweden เมือง Stromstad  ก่อตั้งวงเมื่อปี 1989 โดย มหาบุรุษผู้ล่วงลับ Jon nodtveidt ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมตัวเองในวันที่ 16 สิงหาคมปี 2006   อัลบั้มเต็มของวง ก็ได้แก่

                                                 The somberlain 1993


                                              Storm of the light's bane 1995


                                                          Reinkaos 2006

             ส่วนเวอร์ชั่นแสดงสดของ Dissection ที่ผมเลือกก็คือ
                                              Rebirth of Dissection 2006 DVD


ส่วนตัวผมคิดว่า Dissection เป็นวงเมโลดิกแบลคเมทัลที่ดีที่สุด มีเพลงติดหูจากแต่ละอัลบั้มมากมายไม่ว่าจะเป็น  The Somberlain    Heaven's Damnation   จากอัลบั้ม The Somberlain  ปี 1993 หรือไม่ว่าจะเป็น
Night's Blood   Unhallowed   Where Dead Angels Lie   Retribution - Storm of the Light's Bane และ Thorns of Crimson Death  จากอัลบั้ม Storm of the Light's Bane ปี 1995  ผมคิดว่างานเพลงเหล่านี้ส่งผลให้ Dissection กระโดดขึ้นมาเป็นแนวหน้าของวงการเมโลดิกแบลคเมทัลอย่างมิต้องสงสัย การได้เล่นในเทศกาลดนตรีใหญ่ๆอย่างเช่น Wacken open air  นั้นเป็นข้อพิสุจน์ในความสามารถของ Dissection ได้เป็นอย่างดี แต่ในปี 1997 Jon ถูกจับด้วยข้อหาฆาตกรรมและถูกจำคุกเป็นเวลา 8 ปี ซึ่ง8ปีที่เขาถูกจองจำมิได้ผลิตผลงานเพลงออกมาให้แฟนๆได้ฟัง จนปี 2004 เขาได้ถูกปลดปล่อยจากการพันธนาการ และได้ออกอัลบั้มอีกในปี 2006 ซึ่งอัลบั้มนี้ผมว่ามันถดถอยจากการเป็นเมโลดิกแบลคเมทัลในแบบฉบับของ Dissectionไป มันกลายเป็นแค่ดนตรีเมโลดิกเดธแต่เป็นในแบบของ Dissection แต่มิใช่ว่าผมจะไม่ปลื้มนะครับ ผมคิดว่ามันก็ยังเป็นต้นแบบของดนตรีแห่งความตายอยู่ ชื่อของ Jon ยังคงขายได้ในความคิดผมและวง Dissection ก็ได้แสดงคอนเสิร์ตใหญ่ของวง โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า Rebirth of Dissection ในวันที่ 29 กรกฎาคมปี 2006 โดยได้ขนเพลงดังๆของทุกๆอัลบั้มที่กล่าวมาข้างต้นและเพลงคัพเวอร์วงโปรดของ Jon อย่าง Elizabeth Bathory ของวง Tormentor ผมรู้สึกเสียดายที่จอนไม่เล่นคัพเวอร์เพลง Antichrist ของ Slayer แต่ก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจในทุกบทเพลงที่เล่นถึงแม้มิได้เห็นผ่านสายตาตัวเองแต่ก็เห็นผ่านทางจอมอนิเตอร์จากคอมพิวเตอร์ 
                หลังจากคอนเสิร์ตแค่17วัน Jon ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมตัวเองในห้องพักเมื่อวันที่16 สิงหาคม 2006 โดยลักษณะเหมือนบูชายัญตัวเองด้วยการจุดเทียน เพื่อนสาวของ Jon ได้กล่าวว่า ก่อนที่ Jon จะกระทำอัตวินิบาตกรรม Jon ได้พูดว่า  I'm going far away for a long longtime I'm going to transilvania  ประมาณว่า เขาจะเดินทางไปไกลแสนไกลและตลอดกาล เขาจะเดินทางไปทรานซิวาเนีย
                เรื่องราวของ Jon และ Dissection จึงกลายเป็นอีก 1 มหากาพย์ของวงการแบลคเมทัล มิต่างจาก เรื่องราวของ Dead และ Euronymous ของวง Mayhem เลยมิแต่น้อย
                ผมว่าวันนี้ผมได้แพร่มและพร่ามเรื่องราวของบุคคลและวงที่ผมเคารพรักไปมากพอสมควรแล้วเอาไว้โอกาสหน้าจะมาพร่ามเรื่องของวงต่อๆไปอีก ขอบคุณครับที่ติดตาม

แถมด้วยรูปของวง Dissection และ คลิบเวอร์ชั่นแสดงสด ^^